วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ประวัติศาสตร์ศิลปะจีน

ประเทศจีนมีพัฒนาการทางวัฒนธรรมที่ต่อเนื่องยาวนานนับตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ จนถึงสมัย ราชวงศ์ซึ่งในสมัยราชวงศ์ศิลปวัฒนธรรมจีนได้แพร่เข้าไปในญี่ปุ่น เกาหลีและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประวัติ ศาสตร์ศิลปะจีนแบ่งออกเป็น 2 ยุคสมัยโดยกว้าง คือ สมัยก่อนประวัติศาสตร์ และสมัยประวัติศาสตร์

สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ดินแดนจีนเป็นพื้นที่พบหลักฐานของมนุษย์ตั้งแต่ยุดก่อนประวัติศาสตร์นับตั้งแต่สมัยหินเก่า ร่องรอยที่ สำคัญ คือ มนุษย์ปักกิ่ง มนุษย์แลนเทียน และมีพัฒนาการเข้าสู่ยุคสมัยของการตั้งถิ่นฐานที่สำคัญในสมัยหิน ใหม่คือ พบร่องรอยของวัฒนธรรมยางเชา (Yang Shao) และวัฒนธรรมลุงชาน (Lung Shan)

1. วัฒนธรรมยางเชา (Yang Shao Culture) มีอายุประมาณ 3,000-2,000 ปีก่อนพุทธศักราช วัฒนธรรมยาง เชาจัดอยู่ในสมัยหินใหม่ก่อนยุคราชวงศ์ ซึ่งเป็นช่วงการตั้งถิ่นฐานระยะแรกทางภาคเหนือของจีนหลักฐานทาง โบราณคดีที่สำคัญคือ การทำภาชนะดินเผาเขียนสีแดง เป็นวัฒนธรรมของการใช้เครื่องมือหินขัด และเป็น สังคมเกษตรกรรมยุคแรกที่ค้นพบในประเทศจีน

2. วัฒนธรรมลุงชาน (Lung Shan Culture) ประมาณ 2,500-2,000 ปีก่อนพุทธศักราช วัฒนธรรมลุงชานเป็น วัฒนธรรมสมัยหินใหม่สังคมเกษตรกรรมที่มีความซับซ้อนซึ่งพบทางภาคกลางและภาคใต้ของประเทศจีน หลัก ฐานทางโบราณคดีที่สำคัญคือเครื่องมือหินขัด ภาชนะดินเผาเป็นแบบสีดำขัดมัน และภาชนะดินเผาที่มี 3 ขา

สมัยประวัติศาสตร์
1. สมัยราชวงศ์ชาง (Shang Dynasty) 2,200-1,900 ปีก่อนพุทธศักราช นักโบราณคดีค้นพบสุสาน สมัยราชวงศ์ชาง มีการใช้เครื่องมือโลหะสำริด เครื่องปั้นดินเผาสีขาวเนื้อแกร่ง เครื่องหยก อาวุธสงครามที่ทำ จากสำริด

2. สมัยราชวงศ์โจวหรือจิว (Chou Dynasty) 1,600-774 ปีก่อนพุทธศักราช เป็นยุคแห่งความรุ่งเรืองของโลหะสำริด การขุดค้นทางโบราณคดีที่มณฑลเหอนานได้ค้นพบเครื่องใช้สำริดเป็นจำนวนมาก บนภาชนะสำริดมีการฝังเส้นทอง เส้นเงิน พลอยสีฟ้า และแก้วผลึก มีโลหะที่มีค่าเช่น ทองคำ เงิน แก้ว และอัญมณีต่าง ๆ

3. สมัยราชวงศ์ฉิน (Ch’in Dynasty) 764-749 ปีก่อนพุทธศักราช ยุคสมัยของเจ้าผู้ครองนครที่ตั้งตน เป็นกษัตริย์ฉิน สื่อ หวงตี่ สิ่งก่อสร้างที่สำคัญสมัยนี้คือ กำแพงเมืองจีนและประติมากรรมดินเผาที่เป็นรูปทหาร ขนาดใหญ่เท่าคนจริงมีรูปทหารและม้าศึก จำนวนกว่า 6,000 รูป ปัจจุบันสุสานทหารของ ฉิน สื่อ หวงตี่ (จิ๋นซี ฮ่องเต้) ได้เปิดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งโดยนักโบราณคดีของจีน

4. สมัยราชวงศ์ฮั่น (Han Dynasty) 749 ปีก่อนพุทธศักราชถึงพุทธศักราช 763 หลักฐานที่พบส่วนใหญ่เป็น สุสานในสมัยราชวงศ์นี้ มีสิ่งของที่พบกับผู้ตายเช่น เครื่องปั้นดินเผา เครื่องใช้สำริด เครื่องเงิน เครื่องทอง และ ผ้าไหม ที่สุสานของเจ้าชายหลิวเซ็ง ได้ค้นพบชุดหยกของเจ้าชายหลิวเซ็งและเจ้าหญิงตูหวั่น ในสุสานต่าง ๆ ค้นพบจิตรกรรมฝาผนัง เช่น ภาพมังกรและขุนเขาที่สุสาน เซ่าหยวนจุ้น ยุคนี้เป็นสมัยรุ่งเรืองของเครื่องใช้โลหะ หยก และผ้าไหม

5.สมัยราชวงศ์จิ้น (Tsin Dynasty) พ.ศ.808-963 ยุคของการแตกแยกและเสื่อมโทรม ประเทศจีนแบ่งออก เป็นก๊กต่าง ๆ แต่ละก๊กตั้งตนเองเป็นราชวงศ์ เรียกว่า สมัย 16 ราชอาณาจักร



6. สมัยราชวงศ์เหนือราชวงศ์ใต้ พ.ศ. 960 - 1124 พุทธศาสนาเริ่มเข้าสู่ประเทศจีน ประติมากรรมทางพุทธ ศาสนาเกิดขึ้นในช่วงสมัยนี้ มีทั้งที่สลักแบบนูนต่ำบนศิลาทราย และประติมากรรมลอยตัวเป็นยุคของความรุ่ง เรืองพบด้านจิตรกรรม มีพระพุทธประติมากรรมที่หล่อด้วยโลหะสำริด พระพุทธศาสนาลัทธิมหายานเริ่ม ปรากฏในจีนช่วงนี้ พบถ้ำหลายแห่งที่มีพระพุทธรูปและรูปพระโพธิสัตว์

7. สมัยราชวงศ์สุย (Sui Dynasty) พ.ศ.1124-1161 หลังการสิ้นสุดความแตกแยกขุนนางสมัยราชวงศ์โจว ทางเหนือ สถาปนาราชวงศ์สุยขึ้น มีการหล่อพระพุทธรูปสำริด และงานจิตรกรรมที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยก่อน

8. สมัยราชวงศ์ถัง (T’ang Dynasty) พ.ศ.1161-1450 ยุคสมัยของความรุ่งเรืองของบ้านเมืองจีน และพุทธ ศาสนาในจีนก็รุ่งเรืองที่สุดในสมัยราชวงศ์นี้ ปรากฎบันทึกการเดินทางไปอินเดียของภิกษุเหี้ยนจัง(Hsuantsang) มีงานจิตรกรรมที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาเกิดขึ้นเช่นเดียวกับการสร้างพระพุทธรูป เนื่องจากมีการติด ต่อกับภายนอกโดยเฉพาะกับอินเดีย ดังนี้รูปแบบของศิลปอินเดียจึงมีอิทธิพลต่อประติมากรรมทางพุทธศาสนา ของจีน

9. สมัยห้าราชวงศ์ พ.ศ.1450-1503 สมัยที่จีนแตกแยกกันอีกครั้งหนึ่ง ภาคเหนือของจีนมีราชวงศ์ผลัดกัน ปกครอง 5 ราชวงศ์ คือ ราชวงศ์เหลียง ราชวงศ์ถัง ราชวงศ์จิ้น ราชวงศ์ฮั่น และราชวงศ์โจว งานศิลปกรรมที่โดด เด่นในช่วงระยะนี้คือ งานจิตรกรรม

10. สมัยราชวงศ์ซ้อง (Sung Dynasty) พ.ศ.1503-1822 ยุคสมัยที่จิตรกรรมรุ่งเรืองมากที่สุด ส่วน ประติมากรรมลดความสำคัญลงไป โดยเฉพาะประติมากรรมทางพุทธศาสนา เนื่องจากราชสำนักไม่สนับสนุน อย่างจริงจัง และที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งก็คือ เครื่องถ้วยพอร์ซเลน (Porcelain)

11. สมัยราชวงศ์หยวน (Yaun Daynasty) พ.ศ.1822-1911 ยุคสมัยการรุกรานของมองโกล จิตรกรรมไม่ได้ รับการสนับสนุนจากราชวงศ์จึงปรากฏเฉพาะงานประติมากรรม แต่การสร้างรูปเคารพในทางพุทธศาสนากลับ ได้รับอิทธิพลของลัทธิลามะของธิเบตแทนรูปแบบจากอินเดีย เครื่องถ้วยสมัยนี้มีทั้งพอร์ซเลน สโตนแวร์ และสี เขียวเซลาดอน เครื่องถ้วยส่วนใหญ่เขียนด้วยลวดลายสีน้ำมัน

12. สมัยราชวงศ์หมิง (Ming Dynasty) พ.ศ.1911-2187 ยุคสมัยของการก่อสร้างมีการก่อสร้างบ้านเรือน พระราชวังจักรพรรดิ์ที่อยู่ในกลางเมืองปักกิ่ง พระที่นั่งและวิหารเทียนถาน วนอุทยานเป๋ยไห่ สุสานหมิง สุสาน ติ้งหลิง สุสานฉางหลิง พระสถูปเจดีย์ ส่วนเครื่องเคลือบดินเผานั้นได้มีการผลิตภาชนะประเภทเซลาดอน และ เครื่องถ้วยต่าง ๆ ส่งออกขายยังต่างประเทศ ภาชนะเครื่องเคลือบมีทั้งแบบภาชนะสีขาวพอร์ซเลนตกแต่งลวด ลายสีน้ำเงินเคลือบใสและเคลือบสีต่าง ๆ

13. สมัยราชวงศ์ชิง (Ching Dynasty) พ.ศ.2187-2454 ยุคสมัยรุ่งเรืองของราชวงศ์แมนจู สถาปัตยกรรม ส่วนใหญ่เป็นการก่อสร้างรูปแบบต่อเนื่องจากสมัยราชวงศ์หมิง เครื่องเคลือบดินเผาในสมัยนี้มี 2 แบบคือ การ เคลือบแบบสีเดียวเนื้อแกร่ง และเครื่องเคลือบที่เขียนลวดลายหลายสี มีการปั้นรูปเคารพบูชา เป็น ประติมากรรมดินเผาเคลือบสีสวยงาม เช่น พระโพธิสัตว์กวนอิม พระโพธิสัตว์ปางต่าง ๆ ในทางพุทธศาสนา
 ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีอารยธรรมยาวนานที่สุดประเทศหนึ่ง โดยหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ สามารถค้นคว้าได้บ่งชี้ว่าอารยธรรมจีนมีอายุถึง 5,000 ปี รากฐานที่สำคัญของอารยธรรมจีนคือ การสร้างระบบภาษาเขียน และการพัฒนาแนวคิดลัทธิขงจื๊อ เมื่อประมาณ ศตวรรษที่ 2 ก่อน ค.ศ. ประวัติศาสตร์จีนมีทั้งช่วงที่เป็นปึกแผ่นและแตกเป็นหลายอาณาจักรสลับกันไป ในบางครั้งก็ถูกปกครองโดยชนชาติอื่น วัฒนธรรมของจีนมีอิทธิพลอย่างสูงต่อชาติอื่นๆ ในทวีปเอเชีย ซึ่งถ่ายทอดไปทั้งการอพยพ การค้า และการยึดครอง

ประติมากรรมรูปม้าเหยียบอยู่บนนกนางแอ่น ซึ่งจะแสดงม้าสวรรค์เทียนหม่า เปรียบเสมือนม้าสวรรค์ เพราะวิ่งได้เร็วมากขนาดเหยียบนกนางแอ่น เป็นศิลปะที่พบที่มณฑลกานซู่ สมัยราชวงศ์ถังที่เขาเรียก เส้นสายทางแพรไหม กำลังอยู่ในความเจริญรุ่งเรืองสูงสุด สินค้าที่มาจากตะวันตกเป็นที่นิยมชื่นชอบของพระราชสำนักในส่วนกลาง (เมืองหลวงคือ ฉางอานหรือซีอานในปัจจุบัน) ก็คือม้า มีม้าหลายอย่าง ม้าอาหรับ ม้าของซินเกียง ที่มีชื่อเสียงมาก คือ ม้าเหงื่อเลือด เป็นม้าที่วิ่งเร็วสูงสุดจนเหงื่อออกมาเป็นเลือด ใครนึกว่าม้าเจ็บ เรื่องมังกรหยกกล่าวถึงม้าชนิดนี้เอาไว้ (ม้าของก๊วยเจ๋ง) และมีรูปสลักม้าที่พบในสุสานก็มีม้าชนิดนี้

ภาพนี้เป็นภาพสลักสมัยใหม่ ประติมากรรมจะมีพวกอนุเสาวรีย์ นี่ก็เป็นบุคลาธิษฐานของแม่น้ำหวงเหอ ที่นครหลานโจว เขาเรียกว่า หวงเหอหมู่ชิน คือ มารดาหวงเหอ ที่เราเรียก แม่น้ำ ถือว่าเป็นแม่เป็นกำเนิดทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นผู้ให้กำเนิดชีวิต ประติมากรรมสมัยใหม่ของจีน ที่มีอยู่มากยังมีประติมากรรมรูปบุคคลสำคัญต่างๆ ตามพิพิธภัณฑ์มีประติมากรรมสมัยใหม่ที่เรียกว่า สื่อผสม (mixed media) มีคนใช้ห้องทั้งห้องเป็นที่แสดงศิลปะ ทั้งห้องคืองานศิลปะชิ้นเดียว ให้คนร้อยๆพันๆคนจากมณฑลต่างๆมาปั้นตุ๊กตา ศิลปินมีหน้าที่เอารูปที่ให้คนปั้นมาวางเรียงๆกัน งานสิลปะจีนที่ทำแบบนี้ก็มี